ประโยคความซ้อน หรือ Complex Sentences ในภาษาอังกฤษประกอบด้วย
Independent clause หรือ Main clause ซึ่งเป็นอนุประโยคหลัก
กล่าวคือสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้วมีความหมายเป็นที่เข้าใจได้ กับ Dependent
clause ซึ่งเป็นประโยคขยายหรือเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของอนุประโยคหลักอีกที
ประโยค Dependent clause นี้ต้องพึ่งพาประโยคหลัก กล่าวคืออยู่ด้วยตัวเองไม่ได้เพราะความหมายไม่อาจเป็นที่เข้าใจได้เมื่ออยู่ตามลำพัง นอกจากนี้ยังมีประโยคความซ้อนชนิด Noun clause (นามานุประโยค) ที่มีรูปประโยคแตกต่างออกไป กล่าวคือทั้งสองส่วนต้องประกอบอยู่ด้วยกันไม่อาจแยกจากกันได้โดยเฉพาะส่วนที่เป็น Noun clause สำคัญมาก
ดูวิดีโอประกอบการเรียนเรื่อง complex sentences ได้ด้านล่างครับ
ดูวิดีโอประกอบการเรียนเรื่อง complex sentences ได้ด้านล่างครับ
ฉะนั้น Dependent clause อนุประโยครองหรืออนุประโยคขยายจึงเป็นส่วนทำให้เกิดประโยคความซ้อนขึ้นมาเมื่อรวมกับอนุประโยคหลัก
Independent clause เมื่อเป็นอย่างนี้การเรียนเรื่องประโยคความซ้อนก็คือการทำความเข้าใจ Dependent
clause หรืออนุประโยครองที่เป็นส่วนขยายอนุประโยคหลักว่ามีกี่ประเภทและทำหน้าที่ขยายอะไรอย่างไรบ้าง
อนุประโยครองแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆได้สามประเภทได้แก่ adjective clause=แอ็ดเจ็คทิฟวฺ คลอส (คุณานุประโยค), adverb clause=แอ็ดเวิรฺบ คลอส (วิเศษณานุประโยค) และ noun clause=นาว คลอส (นามานุประโยค)
นอกจากนี้อนุประโยครองสามประเภทใหญ่ๆนี้แต่ละประเภทยังสามารถแบ่งแยกย่อยออกไปอีกมากมายขึ้นอยู่กับว่าทำหน้าที่อะไรในประโยคหรือทำหน้าที่ขยายอนุประโยคหลักในด้านไหนซึ่งผู้เขียนจะนำมากล่าวในบทความครั้งต่อๆไป
แต่ตอนนี้เรามาทำความเข้าใจประโยคความซ้อนแบบคร่าวๆให้พอเห็นภาพกันก่อนว่าเป็นอย่างไร
ทำหน้าที่อย่างไรและอยู่ในตำแหน่งใดในประโยคโดยเปรียบเทียบกับประโยคความเดียวหรือ Simple sentence ดูตัวอย่างได้ด้านล่างครับ
1 Simple sentence
1.1
I
want the book on the table
ไอ วอนทฺ
เดอะ บุค ออน เดอะ เทเบิล
(ฉันต้องการหนังสือบนโต๊ะนั้น)
ประโยคข้างบนวลี on the
table
ทำหน้าที่ขยาย book บอกให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน
2 Complex
sentence
2.1 I want the
book which is the best seller.
ไอ วอนทฺ เดอะ บุค วิช อิซ เดอะ เบสทฺ เซลเลอรฺ
(ฉันต้องการหนังสือเล่มที่ขายดีที่สุด)
ประโยคข้างบน which is the best seller เป็น adjective clause ขยาย book
เช่นกันโดยบอกให้รู้ว่าหนังสือเล่มไหน
3 Simple sentence
3.1 I went
swimming yesterday.
ไอ เว็นทฺ สวิมมิง เย็สเทอเดยฺ
(ฉันไปว่ายน้ำเมื่อวาน)
ประโยคข้างบน yesterday เป็น adverb ขยายกริยา went swimming บอกให้รู้ว่าไปว่ายน้ำเมื่อไหร่
4 Complex
sentence
4.1 I went
swimming after I had finished my class.
ไอ เว็นทฺ สวิมมิง อาฟเธอรฺ ไอ แฮด ฟินิชทฺ ไม
คลาส
(ฉันไปว่ายน้ำหลังจากเลิกเรียน)
ประโยคข้างบน after I had finished my class เป็น adverb clause ขยายกริยา went swimming เช่นกันและบอกให้รู้ว่าไปว่ายน้ำเมื่อไหร่เช่นกัน
5 Simple sentence
5.1 Collecting
cinema ticket is my hobby.
คอลเล็คติง ซิเน็อเมอ ทิกคิท อิซ ไม ฮ็อบบิ
(การสะสมตั๋วหนังเป็นงานอดิเรกของฉัน)
ประโยคข้างบน my hobby เป็น noun complement หรือส่วนเติมเต็มของคำนาม
6 Complex
sentence
6.1 Collecting
cinema ticket is what I like most.
คอลเล็คติง ซิเน็อเมอ ทิกคิด อิซ ว็อท ไอ ไลคฺ
โมสทฺ
(การสะสมตั๋วหนังเป็นสิ่งที่ฉันชอบมากที่สุด)
ประโยคข้างบน what I like most เป็น noun clause ทำหน้าที่เป็น noun
complement
ข้อควรจำสำหรับประโยคความซ้อน Complex Sentences
1 ประกอบด้วยประโยคหลักสองประโยค คือ อนุประโยคหลัก กับ
อนุประโยครองหรืออนุประโยคขยาย
บทความในหมวดเดียวกัน
คุณานุประโยค Adjective clause
การใช้ประพันธสรรพนามแทนประธาน Replacement of Subjects
การเขียนประพันธสรรพนามในฐานะกรรมของบุพบท (preposition + whom, which)
การเขียนประพันธสรรพนามบอกสถานที่และเวลา where and when
การใช้ As/Since/Because บอกเหตุผลหรือสาเหตุ
อนุประโยคบอกระดับ (Adverb clause of Degree)
การใช้คำเชื่อมแสดงระดับมากกว่าหรือน้อยกว่า (Than - clause)
การใช้คำเชื่อมแสดงผล (So...that/Such...that)
การใช้ Whereas, While แสดงถึงความแตกต่างหรือขัดแย้งกัน
บทความถัดไป
บทความก่อนหน้า
มีประโยคความรวมไม้คะ
ตอบลบCompound sentence
คำเชื่อมต่างๆสามารถนำมาวางไว้ข้างหน้าประโยคได้ไหมคะ เช่น After Leonardo had painted his most famous works.แบบนี้เรียกประโยคcomplex ไหมคะ เพราะมีคำว่า after
ตอบลบสามารถนำ after มาขึ้นต้นประโยคได้ครับ แต่ต้องมีประโยคหลักตามมาด้วยครับ
ลบ