คุณานุประโยค Adjective clause

คุณานุประโยคหรือ Adjective clause=แอ็ดเจ็คทิฟวฺ คลอส  คือ Dependent  clause=ดีเพนเดินทฺ คลอส (อนุประโยครอง) ที่ทำหน้าที่ขยายคำนามหรือสรรพนามคล้ายกับคำคุณศัพท์โดยการนำ simple sentences= ซิมเปิลวฺ เซ็นเทนสฺเซ็ส (ประโยคความเดียว)สองประโยคมาเขียนซ้อนกันโดยใช้คำเชื่อมที่เรียกว่า relative pronoun=เร็ลวฺเล็อทิฟวฺ  (ประพันธสรรพนาม)ต่างกันตรงที่ จะเป็น clause หรือประโยคเพราะมีคำที่ทำหน้าที่เป็นประธาน และมีกริยาพร้อมด้วยกรรมหากกริยานั้นต้องการกรรมส่วนคำคุณศัพท์นั้นจะเป็นคำเดียวโดดๆดังนั้น Adjective clause จึงสามารถทำหน้าที่ได้เช่นเดียวกับคำคุณศัพท์คือสามารถขยายคำนามโดยระบุหรืออธิบายบุคคล สิ่งของหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำนามที่มันขยายได้

นอกจากนี้ Adjective clause มีลักษณะคล้ายกับ Dependent clause= ดีเพนเดินทฺ คลอส (อนุประโยครอง) ชนิดอื่นๆ กล่าวคือต้องมีคำเชื่อมนำหน้าหรือเป็นคำขึ้นต้น สำหรับ Adjective clause จะขึ้นต้นด้วย relative pronoun=เร็ลวฺเล็อทิฟวฺ  ประพันธสรรพนาม  7 คำจึงทำให้ในตำราบางเล่มเรียก Adjective clause ว่า relative clause ก็ได้ ประพันธสรรพนามทั้ง 7 คำดังกล่าวได้แก่ who=ฮู, whom=ฮูม, whose=ฮูซ, which=วิช, that=แด็ท, where=แวรฺ when=เว็น ดูการเขียน Adjective clause ได้เป็นตอนๆผ่านการเปรียบเทียบกับประโยค simple sentences ดังต่อไปนี้ครับ

การเขียนและใช้ประโยค Adjective clause การเขียนประโยค Adjective clause มีหลักการเขียนอยู่ว่า
1 Adjective clause จะอยู่หลังคำนามที่ขยายเสมอ
2 Adjective clause จะต้องขึ้นต้นด้วย relative pronoun
3 relative pronoun เมื่อใช้แทนคำนามคำใดแล้ว จะมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับคำนามนั้น ไม่ว่าจะเป็น เพศหรือพจน์ ดูตัวอย่างได้ด้านล่างครับ

1 Simple sentence
1.1 The man has returned to America.
เดอะ แมน แฮซ รีเทิร์น ทู อเมริกา
(ผู้ชายคนนั้นกลับไปอเมริกาแล้ว)

1.2 The man was here yesterday.
เดอะ แมน ว็อซ เฮียรฺ เย็สเทอะเดยฺ
(ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่นี่เมื่อวาน)

2 จากประโยค Simple sentence สองประโยคข้างเมื่อนำมาเขียนซ้อนรวมกันเป็นประโยคความซ้อนแบบ Adjective clauseก็จะได้ว่า

2.1 The man who was here yesterday has returned to America.
เดอะ แมน ฮู ว็อซ เฮียร เย็สเทอะเดยฺ แฮซ รีเทิรฺน ทู อเมริกา
(ผู้ชายคนที่อยู่ที่นี่เมื่อวานกลับไปประเทศอเมริกาแล้ว)

3 Simple sentence ซิมเพิลวฺ เซ็นเทนสฺ (ประโยคความเดียว)
3.1 The apple was sweet.
ดิ แอ็บเปิลวฺ ว็อซ สวีท
(แอ็บเปิลลูกนั้นหวาน)

3.2 I ate the apple yesterday.
ไอ เอท ดิ แอ็บเปิลวฺ เย็สเทอเดยฺ
(ผมกินแอ็บเปิลลูกนั้นเมื่อวาน)

4 จากประโยค Simple sentence สองประโยคข้างเมื่อนำมาเขียนรวมกันเป็นประโยคความซ้อนแบบ Adjective clauseก็จะได้ว่า

4.1 The apple which I ate yesterday was sweet.
ดิ แอ็บเปิล วิช ไอ เอท เย็สเทอเดยฺ ว็อซ สวีท
(แอ็บเปิลลูกที่ผมกินเมื่อวานหวานดี)

5 Simple sentenceซิมเปิลวฺ เซ็นเทนสฺ (ประโยคความเดียว)
5.1 The men are rich.
เดอะ เม็น อารฺ ริช
(ผู้ชายเหล่านั้นรวย)

5.2 The men talk to you.
เดอะ เม็น ทอลฺค ทู ยู
(ผู้ชายเหล่านั้นพูดกับคุณ)

6 จากประโยค Simple sentence สองประโยคข้างบนเมื่อนำมาเขียนซ้อนรวมกันเป็นประโยคความซ้อนแบบ Adjective clauseก็จะได้ว่า

6.1 The men who talk to you are rich.
เดอะ เม็น ฮู ทอลฺค ทู ยู อารฺ ริช
(ผู้ชายที่พูดกับคุณรวยๆกันทั้งนั้น)

ข้อควรจำในการเขียนประโยค  Adjective clause
1 การเขียนประโยค Adjective clause ก็คือการนำประโยค Simple sentence สองประโยคมาเขียนซ้อนกันโดยใช้คำเชื่อม relative pronoun จึงเป็นที่มาของประโยคความซ้อนแบบ Adjective clause

2 ก่อนเขียนให้ตรวจสอบก่อนว่าประโยค Simple sentence ทั้งสองประโยคมีคำนามซ้ำกันหรือไม่ เมื่อพบคำนามซ้ำให้ทำสัญลักษณ์ไว้

3 เสร็จแล้วให้เปลี่ยนคำนามในประโยคที่สองให้เป็น relative pronoun ที่เหมาะสม

4 หาก relative pronoun ไม่ได้อยู่ต้นประโยคก็ให้ย้ายมาอยู่ข้างหน้าดังตัวอย่างประโยคที่ 4.1

5 หาก clause นั้นอยู่ห่างจากคำนามที่ขยายก็ให้ย้ายทั้ง clause มาไว้หลังคำนามที่ขยายดังตัวอย่างประโยคที่ 2.1, 4.1, 6.1

6 relative pronoun มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับคำนามที่ไปแทนที่ เช่นในตัวอย่าง 1.1, 1.2 คำว่า the man เป็นเอกพจน์   who จึงเป็นเอกพจน์ด้วยส่วนในตัวอย่าง 5.1, 5.2 คำว่า the men เป็นพหูพจน์ who จึงเป็นพหูพจน์ด้วยคำกริยาจึงไม่ต้องมีหรือไม่ต้องเติม s/es ฯลฯ

7 สามารถใช้ relative pronoun “that” แทน who และ which ได้ในการเขียนแบบไม่เป็นทางการ


บทความถัดไป
บทความก่อนหน้า

ความคิดเห็น