การใช้คำเชื่อมประเภทคำเดี่ยว Coordinate conjunction

ตามที่กล่าวมาจากบทความครั้งก่อนว่าการสร้างประโยคความรวม (Compound Sentences) ในภาษาอังกฤษนั้นสามารถทำได้สองวิธี คือการใช้เครื่องหมาย semi colon ( ;) เชื่อมระหว่างสองประโยคเข้าด้วยกันกับอีกวิธีหนึ่งคือการเชื่อมด้วยคำเชื่อมที่มีทั้งประเภทเดี่ยวและประเภทคู่ นอกจากนี้ยังมีคำเชื่อมประเภทกริยาวิเศษณ์อีกด้วยซึ่งจะได้กล่าวถึงในบทความครั้งต่อๆไป ในบทความครั้งนี้จะกล่าวถึงการใช้คำเชื่อมประเภทคำเดี่ยวต่างๆและตัวอย่างประโยคเมื่อคำเหล่านั้นทำหน้าที่สร้างประโยคความรวม ดูตัวอย่างได้ต่อไปนี้ครับ

การใช้คำเชื่อมประเภทคำเดี่ยว Coordinate conjunction
คำเชื่อมประเภทคำเดี่ยวที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้มีด้วยกัน 7 คำ ได้แก่ and=แอนดฺ (และ), nor=นอรฺ (และไม่), but=บัท (แต่), yet=เย็ท (แต่), or=ออรฺ (หรือมิฉะนั้น), so=โซ (ดังนั้น), for=ฟอรฺ (เพราะ) มาดูกันทีละคำครับว่าทำหน้าที่อย่างไรกันบ้าง

1 And=แอนดฺ (และ) ใช้เชื่อมข้อความหรือประโยคสองประโยคที่มีความหมายไปในทิศทางเดียวกัน คล้อยตามกันหรือไม่ขัดกัน ดูตัวอย่างในประโยคด้านล่าง
1.1   His words are not true, and I can prove them.
ฮิซ เวิรฺดส อารฺ น็อท ทรู แอนดฺ ไอ แคน พรูฟ เด็ม
(เขาพูดโกหกฉันสามารถพิสูจน์ได้)

2 nor=นอรฺ (และไม่) ใช้เชื่อมข้อความที่คล้อยตามกันคล้ายกับ And  แต่ nor จะใช้กับข้อความที่เป็นปฏิเสธโดยเขียนนำหน้าประโยคที่มีความหมายเป็นปฏิเสธ ตัวอย่างเช่น
2.2 She is very upset about the examination results, nor am I happy.
ชี อิซ เวริ อัพเซ็ท อะเบาทฺ ดิ เอ็กแซมมิเนชึน รีซัลทฺส นอรฺ แอม ไอ แฮปปี
(เธอกังวลเรื่องผลสอบมากและฉันก็ไม่สบายใจเช่นกัน)

3 but=บัท (แต่) ใช้เชื่อมข้อความที่มีความหมายตรงข้ามกันหรือไปคนละทิศละทางกัน ขัดแย้งกัน รวมทั้งข้อความทีมีความหมายต่างไปจากที่คาดหวังไว้ เช่น
3.1 She enjoys going shopping at department stores  on weekend, but her husband like to stay home.
ชี เอนจอยสฺ โกอิง ช็อปปิง แอ็ท ดิพารฺเมนสโตรฺส ออน วีคเอ็นดฺ บัท เฮอ ฮัสบันดฺ ไลคฺ ทู สเตยฺ โฮม
(เธอชอบไปซื้อของตามห้างสรรพสินค้าตอนวันหยุดแต่สามีเธอชอบที่จะอยู่บ้าน)

4 yet=เย็ท (แต่) ใช้เชื่อมข้อความที่มีความหมายต่างไปจากที่คาดหวังเหมือนกับ but และสองคำนี้ใช้แทนกันได้ตัวอย่างเช่น
4.1 My friend studied very hard last term, yet she failed the exam.
ไม เฟรนดฺ สตัดดี เวริ ฮารฺด ลาสทฺ เทิรฺม เย็ท ชี เฟลดฺ ดิ เอ็กซฺแซม
(เมื่อภาคการศึกษาที่แล้วเพื่อนฉันขยันเรียนมากแต่เธอก็สอบตก)

5 or=ออรฺ (หรือมิฉะนั้น) ใช้เชื่อมระหว่างสองประโยคหรือข้อความเพื่อบอกให้รู้ว่าสองข้อความที่กล่าวถึงนั้นต้องเลือกทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่าง

5.1 Give me back my pen or you have to go and buy a new one for me.
กิฟวฺ มี แบ็ค ไม เพ็น ออรฺ ยู แฮฟวฺ ทู โก แอนดฺ บาย อะ นิว วัน ฟอรฺ มี
(คืนปากกาฉันมามิเช่นนั้นเธอต้องไปซื้อด้ามใหม่มาให้)

6 so=โซ (ดังนั้น) เมื่อใช้คำนี้เชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกันหมายความว่าประโยคแรกเป็นต้นเหตุหรือสาเหตุให้เกิดประหลังตามมา เช่น
6.1 Last night, it rained heavily, so this morning the road has been already flooded.
ลาสทฺ ไนทฺ อิท เรนดฺ เฮฟวิลี โซ ดิส มอรฺนิง เดอะ โรด แฮซ บีน ออลเร็ดดี ฟลัดดิด
(เมื่อคืนฝนตกหนักเช้านี้น้ำจึงท่วมเจิ่งนองไปทั้งถนน)

7 for=ฟอรฺ (เพราะ) คือคำเชื่อมที่ให้เหตุผลเพิ่มเติมที่มาจากประโยคแรก แต่มิใช่สาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ในประโยคแรกแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นจะนำคำนี้ไปตอบคำถาม why ไม่ได้
7.1 The night is long, for it is December.
เดอะ ไนทฺ อิซ ลอง ฟอรฺ อิท อิซ ดีเซมเบอรฺ
(กลางคืนยาวนานเพราะเป็นเดือนธันวาคม)ประโยค , for it is December ช่วยอธิบายเพิ่มเติมว่าช่วงกลางคืนนั้นยาว เพราะเป็นเดือนธันวาคมหรือหน้าหนาว แต่หน้าหนาวไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้กลางคืนยาวขึ้น

ข้อควรจำสำหรับการใช้คำเชื่อมประเภทคำเดี่ยว Coordinate conjunction
1 คำเชื่อม nor จะใช้เชื่อมประโยคให้คล้อยตามกับประโยคแรกคล้ายคำเชื่อม and แต่ความหมายของประโยคที่อยู่หลัง nor เป็นปฏิเสธเสมอเพราะเดิมมาจากรูปประโยคปฏิเสธแต่พอนำ nor มาวางไว้หน้าประโยค รูปประโยคจะต้องเปลี่ยนมาเป็นคล้ายกับประโยคคำถามแบบ yes/no question คือต้องมีกริยาช่วยมาไว้หน้าประโยคเสมอ กริยาช่วยที่นำมาก็ผันตามธรรมดาเหมือนกับประโยคคำถาม yes/no question โดยวางไว้หลัง nor เสมอเพียงแต่ไม่มีเครื่องหมายคำถามเพราะมีความหมายเป็นประโยคปฏิเสธไม่ใช่ประโยคคำถาม ดังตัวอย่างประโยคที่ 2.2

2 คำเชื่อม yet มีความหมายเหมือนกับ but และใช้แทนกันได้ดูตัวอย่างข้อที่ 4.1

3 คำเชื่อม or ที่ใช้ในประโยคความรวมไม่ได้แปลว่าหรือเหมือนในการทำหน้าที่เชื่อมคำทั่วๆไปแต่มีความหมายว่า มิฉะนั้น หรือมิฉะนั้น คือหมายถึงเป็นการเจาะจงแกมบังคับหน่อยๆโดยให้เลือกว่าต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นดังตัวอย่างในประโยคที่ 5.1

4 สำหรับคำเชื่อม for แม้ว่าจะแปลว่า เพราะว่า แต่ก็มีอาจใช้ตอบความหมายของประโยคคำถาม why ได้ หากจะใช้คำขึ้นต้นตอบประโยคคำถาม why ให้ใช้คำว่า because

5 คำเชื่อมทุกคำที่กล่าวมาเมื่อทำหน้าที่นี้ในประโยคความรวมต้องมีเครื่องหมายคอมมาอยู่ข้างหน้าเสมอ


บทความถัดไป

ความคิดเห็น