คำบอกปริมาณหน้านามนับได้เอกพจน์ที่จะกล่าวถึงในที่นี้ได้แก่
one=วัน
(หนึ่ง), every=เอ็ฟวฺริ
(ทุกๆ), each=อีช (แต่ละ), either= อีเธอรฺ (อันใดอันหนึ่ง), neither=นีเธอรฺ (ไม่ใช่ทั้งสอง) คำภาษาอังกฤษสี่คำนี้จะใช้นำหน้าคำนามนับได้และต้องเป็นนามเอกพจน์เท่านั้น
กล่าวคือเมื่อใช้คำเหล่านี้ในฐานะคำบอกปริมาณนำหน้าคำนามนับได้ใดๆก็ตามในทางไวยกรณ์คำนามเหล่านั้นจะถือว่ามีความหมายเป็นเอกพจน์เสมอ ดูการใช้คำบอกปริมาณต่างๆดังกล่าวได้ต่อไปนี้ครับ
1 ตัวอย่างการใช้คำบอกปริมาณเหล่านี้กับคำนามนับได้เอกพจน์
One day=วัน เดยฺ (วันหนึ่ง หนึ่งวัน), one man=วัน แมน (ชายคนหนึ่ง ชายหนึ่งคน), each dog=อีช ด็อก (สุนัขแต่ละตัว), each bird=อีช เบิรฺด (นกแต่ละตัว), every boy=เอ็ฟวฺริ บอย
(เด็กผู้ชายทุกคน), every girl=เอ็ฟวฺริ เกิรฺล
(เด็กผู้หญิงทุกคน), either mango= อีเธอรฺ แมงโก
(มะม่วงลูกใดลูกหนึ่ง), neither answer=นีเธอรฺ อานเซอรฺ
(ไม่มีคำตอบใดๆ)
2 ตัวอย่างประโยคการใช้คำบอกปริมาณนำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์
2.1 I spend one week visiting Bangkok.
ไอ สเป็นดฺ
วัน วีค วิซิทติง แบงค็อก
(ผมใช้เวลาเที่ยวชมกรุงเทพฯหนึ่งสัปดาห์)
2.2 Each bird is very lovely.
อีช เบิรฺด
อิซ เวริ เลิฟวฺลิ
(นกแต่ละตัวน่ารักมาก)
2.3 Every boy here likes a cartoon book.
เอ็ฟวฺริ
บอย เฮียรฺ ไลคฺส คารฺทูน บุค
(เด็กผู้ชายทุกคนที่นี่ชอบหนังสือการ์ตูน)
2.4 Either plan seems impossible.
อีเธอรฺ
แพลน ซีมสฺ อิมพ็อซเซ็อเบิล
(แผนไหนๆก็ดูเหมือนว่าจะใช้ไม่ได้เลย)
2.5 Neither
answer is correct.
นีเธอรฺ
อานเซอรฺ อิซ เคอเรคทฺ
(ไม่มีคำตอบไหนถูกเลย)
ข้อควรจำสำหรับการใช้คำบอกปริมาณเหล่านี้หน้าคำนามนับได้เอกพจน์
1 คำนามที่ตามหลัง One, every, each,
either, neither ในทางไวยกรณ์มีความหมายเป็นเอกพจน์เสมอไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
2 ไม่มีการเติม s/es/ies หลังคำนามที่ตามหลังคำเหล่านั้นแม้บางคำจะฟังดูคล้ายกับเป็นพหูพจน์เพราะแท้ที่จริงแล้วถือว่าเป็นนามเอกพจน์นั่นเองเมื่อตามหลังคำบอกปริมาณดังกล่าว
(ยกเว้นหากมีคำว่า of อยู่ระหว่างคำบอกปริมาณดังกล่าวกับคำนาม)
3 ผลที่ตามมาก็คือหากใช้คำบอกปริมาณกับคำนามดังกล่าวเป็นประธานในประโยค
present tenses ทุกชนิด และ past simple tense (กรณีที่ v. To be เป็นกริยาในประโยค) past continuous tense คำกริยาหรือกริยาตัวแรก (หากในประโยคมีกริยาหลายตัว
เช่นในบาง tenses
ที่มีกริยาช่วยอยู่ด้วย) จะต้องมีหรือต้องเติม s/es/ies เสมอเพราะ กริยาต้องผันไปตามประธานที่เป็นเอกพจน์
บทความถัดไป
บทความก่อนหน้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น