สรุปวิธีจำ tenses ต่างๆในภาษาอังกฤษอย่างง่ายแต่ได้ผลก็คือ ประการแรกให้ท่านนึกง่ายๆก่อนว่า ทุกคำพูดหรือการกระทำ นั้นจะผ่านเหตุการณ์ต่างๆ และเหตุการณ์ต่างๆนั้นก็เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งในชีวิตคนเรานั้นก็มีอยู่ 3 ช่วงเวลา คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต หรือถ้าให้ง่ายเข้าไปอีกก็ให้จำว่า เมื่อวาน วันนี้ และพรุ่งนี้ ทีนี้ที่สำคัญก็คือ ในภาษาอังกฤษเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาที่ต่างกันนั้น ใช้คำไม่เหมือนกัน คำที่ใช้ไม่เหมือนกันในแต่ละเหตุการณ์ที่ต่างเวลากันก็คือ คำกริยา โดยเฉพาะกริยาช่วย ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากในภาษาอังกฤษ
และเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างกันใช้คำกริยาไม่เหมือนกันนี่แหละคือยาขมหม้อใหญ่ของภาษาอังกฤษ เพราะเป็นส่วนที่เราต้องจำ เพราะถ้าไม่จำก็ใช้ไม่ถูก เนื่องจากภาษาไทยเรากริยาไม่ได้เปลี่ยนไปตามประธานและเวลาเหมือนภาษาอังกฤษ
ประการที่สอง หลักการจำ tenses ง่ายๆก็คือ หลังจากเราแยกเป็น อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้แล้ว ก็ให้เราลงลึกรายละเอียดไปอีกหน่อยว่า อดีต มีอดีตอย่างไรบ้าง ปัจจุบัน มีปัจจุบันอย่างไรบ้าง และอนาคตมีอนาคตอย่างไรบ้าง นั่นก็คือการจำ tenses ย่อยที่อยู่ในแต่ละ 3 tensesใหญ่ของภาษาอังกฤษอีกที และนี่คือเหตุผลที่ผมได้ย้ำหลายครั้งก่อนหน้านี้ว่า กริยาช่วยสำคัญ จำให้ได้ เพราะมันจะมาช่วยแยก tenses ย่อยๆต่างๆของภาษาอังกฤษให้เรานั่นเอง และแต่ละ tenses ย่อยนั้นก็มีกริยาที่ต่างกันไป ให้ท่านสังเกตและจำกริยาของแต่ละ tenses รวมทั้งวิธีการนำไปใช้ให้ได้ ท่านก็สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้เยอะเลยทีเดียว ที่เหลือก็ค่อยไปศึกษารายละเอียดในเรื่องอื่นๆต่อไปซึ่งจะทำให้ศึกษาได้ง่ายขึ้น ลองมาดูประโยคตัวอย่างและวิธีสังเกตกันครับ
ตัวอย่างประโยคและวิธีสังเกตความแตกต่างระหว่าง tenses ต่างๆในภาษาอังกฤษเพื่อช่วยในการจำ
1 Jane gets up at six o'clock every day.
เจน เก็ทสฺ อัพ แอ็ท ซิกซฺ โอ คล็อค เอ็ฟวฺริ เดยฺ
(เจนตื่นนอนเวลาหกโมงทุกวัน)
2 Yesterday, Jack got up at 6:30.
เย็สเทอะเดยฺ แจ็ค ก็อท อัพ แอ็ท ซิกซฺ เทอทิ
(เมื่อวานแจ็คตื่นนอนเวลาหกโมงครึ่ง)
3 Tomorrow, Jack will get up at 7:00 o'clock.
ทูมอรฺโรวฺ แจ็ค วิล เก็ท อัพ แอ็ท เซเวน โอ คล็อค
(พรุ่งนี้แจ็คจะตื่นตอนเจ็ดโมง)
ท่านจะเห็นว่าทั้งสามประโยคตัวอย่างข้างบนจะมีบางอย่างที่แตกต่างกัน ได้แก่ ภาคแสดง หรือคำกริยา ในประโยคที่หนึ่งซึ่งอยู่ใน present simple tense=เพรสเซ็นทฺ ซิมเพิล เท็นสฺ (เหตุการณ์ในปัจจุบัน) คำกริยาซึ่งก็คือคำว่า get up จะมี s อยู่ข้างหลังด้วย ส่วนในประโยคที่สองซึ่งอยู่ใน past simple tense=พาสทฺ ซิมเพิล เท็นสฺ (เหตุการณ์ในอดีต) คำกริยาจะเปลี่ยนรูปไปเป็น got up และไม่มี s อยู่ข้างหลัง และในประโยคที่สาม ซึ่งอยู่ใน future simple tense=ฟิวเจอะ ซิมเพิล เท็นสฺ (เหตุการณ์ในอนาคต) คำกริยาก็จะกลับมาอยู่ในรูปเดิมอีกแต่ไม่มี s อยู่ข้างหลัง และจะมีกริยาช่วย will มาอยู่ข้างหน้าด้วย กลายเป็น will get up และนั่นคือความต่างของภาคแสดงในแต่ละ tenses ที่ไม่เหมือนกันทำให้เราเข้าใจได้ว่า ประโยคต่างๆอยู่ใน tenses ไหน หรือเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด ความต่างอีกอันหนึ่งที่ท่านสามารถสังเกตได้ในแต่ละ tenses ที่ยกมาด้านบนคือคำแสดงเวลาหรือกริยาวิเศษณ์บอกเวลาได้แก่คำว่า every day, yesterday และ tomorrow
ตัวอย่างประโยคและวิธีสังเกตความแตกต่างระหว่าง tenses ต่างๆในภาษาอังกฤษเพื่อช่วยในการจำ
1 Jane gets up at six o'clock every day.
เจน เก็ทสฺ อัพ แอ็ท ซิกซฺ โอ คล็อค เอ็ฟวฺริ เดยฺ
(เจนตื่นนอนเวลาหกโมงทุกวัน)
2 Yesterday, Jack got up at 6:30.
เย็สเทอะเดยฺ แจ็ค ก็อท อัพ แอ็ท ซิกซฺ เทอทิ
(เมื่อวานแจ็คตื่นนอนเวลาหกโมงครึ่ง)
3 Tomorrow, Jack will get up at 7:00 o'clock.
ทูมอรฺโรวฺ แจ็ค วิล เก็ท อัพ แอ็ท เซเวน โอ คล็อค
(พรุ่งนี้แจ็คจะตื่นตอนเจ็ดโมง)
ท่านจะเห็นว่าทั้งสามประโยคตัวอย่างข้างบนจะมีบางอย่างที่แตกต่างกัน ได้แก่ ภาคแสดง หรือคำกริยา ในประโยคที่หนึ่งซึ่งอยู่ใน present simple tense=เพรสเซ็นทฺ ซิมเพิล เท็นสฺ (เหตุการณ์ในปัจจุบัน) คำกริยาซึ่งก็คือคำว่า get up จะมี s อยู่ข้างหลังด้วย ส่วนในประโยคที่สองซึ่งอยู่ใน past simple tense=พาสทฺ ซิมเพิล เท็นสฺ (เหตุการณ์ในอดีต) คำกริยาจะเปลี่ยนรูปไปเป็น got up และไม่มี s อยู่ข้างหลัง และในประโยคที่สาม ซึ่งอยู่ใน future simple tense=ฟิวเจอะ ซิมเพิล เท็นสฺ (เหตุการณ์ในอนาคต) คำกริยาก็จะกลับมาอยู่ในรูปเดิมอีกแต่ไม่มี s อยู่ข้างหลัง และจะมีกริยาช่วย will มาอยู่ข้างหน้าด้วย กลายเป็น will get up และนั่นคือความต่างของภาคแสดงในแต่ละ tenses ที่ไม่เหมือนกันทำให้เราเข้าใจได้ว่า ประโยคต่างๆอยู่ใน tenses ไหน หรือเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด ความต่างอีกอันหนึ่งที่ท่านสามารถสังเกตได้ในแต่ละ tenses ที่ยกมาด้านบนคือคำแสดงเวลาหรือกริยาวิเศษณ์บอกเวลาได้แก่คำว่า every day, yesterday และ tomorrow
สรุปวิธีจำ tenses ต่างๆในภาษาอังกฤษอย่างง่าย
1 ภาคแสดงสำคัญจำให้ได้ กล่าวคือในแต่ละ tenses ภาคแสดงจะไม่เหมือนกันให้ท่านสังเกตและพยายามจดจำข้อแตกต่างของภาคแสดงในละ tenses
2 คำกริยาวิเศษณ์ก็สามารถช่วยให้ท่านสังเกตเรื่อง tenses ได้ กล่าวคือ ในแต่ละ tenses มักจะมีคำกริยาวิเศษณ์แสดงเวลาอยู่ด้วย ตัวอย่างสามประโยคข้างบนซึ่งช่วยให้ท่านสังเกตและจำได้อีกทางหนึ่ง
1 ภาคแสดงสำคัญจำให้ได้ กล่าวคือในแต่ละ tenses ภาคแสดงจะไม่เหมือนกันให้ท่านสังเกตและพยายามจดจำข้อแตกต่างของภาคแสดงในละ tenses
2 คำกริยาวิเศษณ์ก็สามารถช่วยให้ท่านสังเกตเรื่อง tenses ได้ กล่าวคือ ในแต่ละ tenses มักจะมีคำกริยาวิเศษณ์แสดงเวลาอยู่ด้วย ตัวอย่างสามประโยคข้างบนซึ่งช่วยให้ท่านสังเกตและจำได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ท่านยังสามารถดูตัวอย่างโครงสร้างและฝึกสังเกตฝึกจำ tenses ต่างๆในภาษาอังกฤษอย่างละเอียดได้ตามลิงค์ด้านล่างครับ
Present tense แบ่งออกเป็น tense ย่อยได้ 4 tenses ได้แก่
1 present simple tense มีภาคแสดงได้แก่ กริยาช่องที่ 1 ให้จำง่ายๆว่าถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องมีหรือต้องเติม s/es ไม่ว่ากริยาช่วยหรือกริยาแท้ ยกเว้นกริยาช่วยที่ถูกกำหนดไว้แล้วในบาง tenses ซึ่งไม่ต้องผันตามประธาน และยกเว้นประธาน I, you ถึงแม้เป็นเอกพจน์กริยาก็ไม่ต้องมี s หรือ es ดูรูปแบบและตัวอย่างการใช้ได้ที่ โครงสร้างประโยค present simple tense ในภาษาอังกฤษ
2 present continuous tense มีภาคแสดงได้แก่ is/am/are + v. ing ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างได้ที่ โครงสร้างประโยค present continuous tense ในภาษาอังกฤษ
3 present perfect tense มีภาคแสดงได้แก่ have/has + v. 3 ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างได้ที่ โครงสร้างและตัวอย่างประโยค present perfect tense ภาษาอังกฤษ
4 present perfect continuous tense มีภาคแสดงได้แก่ have/has + been + v. ing ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างได้ที่ โครงสร้างและประโยคตัวอย่าง present perfect continuous tense ในภาษาอังกฤษ
Past tense แบ่งออกเป็น tense ย่อยได้ 4 tenses ได้แก่
1 past simple tense มีภาคแสดงได้แก่ กริยาช่องที่ 2 ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างได้ที่ โครงสร้างประโยค past simple tense ในภาษาอังกฤษ
2 past continuous tense มีภาคแสดงได้แก่ was/were + v. ing ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างได้ที่ past continuous tense เกิดขึ้นได้อย่างไร
3 past perfect tense มีภาคแสดงได้แก่ had+ v. 3 ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างได้ที่ past perfect tense เกิดขึ้นได้อย่างไร
4 past perfect continuous tense มีภาคแสดงได้แก่ had + been + v. ing ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างได้ที่ past perfect continuous เกิดขึ้นได้อย่างไร
Future tense แบ่งออกเป็น tense ย่อยได้ 4 tenses ได้แก่
1 future simple tense มีภาคแสดงได้แก่ will/shall/be going to + v. 1 ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างได้ที่ โครงสร้างประโยค future simple tense ในภาษาอังกฤษ
2 future continuous tense มีภาคแสดงได้แก่ will + be + v. ing ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างพร้อมภาพประกอบได้ที่ โครงสร้างและตัวอย่างประโยค future continuous tense ในภาษาอังกฤษ
3 future perfect tense มีภาคแสดงได้แก่ will + have + v. 3 ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างพร้อมภาพประกอบได้ที่ โครงสร้างและประโยคตัวอย่าง future perfect tense ในภาษาอังกฤษ
4 future perfect continuous tense มีภาคแสดงได้แก่ will + have + been + v. ing ดูรูปแบบและประโยคตัวอย่างพร้อมภาพประกอบได้ที่ future perfect continuous tense เกิดขึ้นได้อย่างไร
บทความถัดไป
สรุปวิธีจำประโยค passive voice ชนิดต่างๆในภาษาอังกฤษ
บทความก่อนหน้า
วิธีจำ future perfect tense ในรูป passive voice
สรุปวิธีจำประโยค passive voice ชนิดต่างๆในภาษาอังกฤษ
บทความก่อนหน้า
วิธีจำ future perfect tense ในรูป passive voice
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบมีประโยชน์มากๆเลยครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ตอบลบเยี่ยมครับ ผมมาแนะวิธีง่ายๆครับ ยกตัวอย่างครับ กิน eat=กิน(ปัจจุบัน) ate= ได้กิน[ในอดีต,ที่ผ่านมาแล้ว คิดเสียว่าเสี้ยววินาทีก็เป็นอดีตได้ด้วย] eaten=ได้กินแล้ว
ตอบลบยกตัวอย่าง จะพูดว่า ผมกินไก่ทอด=I eat fried chicken. ผมกินได้กินไก่ทอดแล้วเมื่อวาน[จะตอนไหนก็ได้ช่วงเวลาที่ไม่ใช่ปัจจุบันเราสามารถกำหนดได้หมด]=I ate fried chicken yesterday[last night,2 days ago,last week,last year,....]. เวลาคุยกับฝรั่ง พูดว่า I ate fried chicken. ฝรั่งก็รู้แล้วครับว่าเรากินมาแล้ว ผมได้กินไก่ทอดแล้ว[ช่วงเวลานี้ใส่ได้หมดครับ ตั้งแต่ สิบนาทีที่แล้ว เมื่อวาน หรือ ไม่ต้องใส่ก็ยังได้ แต่ใส่ไปจะดีกว่าเพื่อแสดงความละเอียด]=I have eaten fried chicken.
Thanks for comment.
ตอบลบ