การผันกริยาไปตามประธานในภาษาอังกฤษ

การผันกริยาไปตามประธานเป็นหลักแกรมมาร์หรือไวยกรณ์ขั้นพื้นฐานในภาษาอังกฤษ  เนื่องจากคำกริยาในภาษาอังกฤษจะต้องผันเปลี่ยนไปตามประธานทำให้คำกริยาในภาษาอังกฤษมีการเปลี่ยนรูปไปตามประธาน อย่างไรก็ตามการผันกริยาไปตามประธานในภาษาอังกฤษจะไม่เปลี่ยนรูปไปจากเดิมมากซึ่งไม่เหมือนกับการผันกริยาไปตามกาลเวลาที่ทำให้เกิด tenses ต่างๆอันจะกล่าวในบทความถัดไป การผันกริยาไปตามประธานในภาษาอังกฤษจึงเป็นแค่การเติม suffix ไว้ข้างหลังกริยาเท่านั้น ดูหลักการผันกริยาไปตามประธานได้ด้านล่างครับ

หลักการผันกริยาไปตามประธานในภาษาอังกฤษ
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ข้างหลังคำกริยาต้องมีหรือถ้าไม่มีก็ต้องเติม s/es แล้วแต่กรณี (ยกเว้น I กับ you ) ดูตัวอย่างได้ด้านล่างครับ

1 He is a dentist.
ฮี อิซ อะ เด็นทิสทฺ
(เขาเป็นทันตแพทย์)

ประโยคที่ 1 มีประธาน he เป็นเอกพจน์กริยาในประโยคนี้คือ v. to be ซึ่งก็คือ is จะลงท้ายด้วย s โดยอัตโนมัติและตรงกับที่กล่าวไว้ตอนต้นว่าถ้าประธานเป็นเอกพจน์ที่ท้ายคำกริยาต้องมีหรือถ้าไม่มีก็ต้องเติม s/es แล้วแต่กรณี ในประโยคที่ 1 มี is เป็นคำกริยา ซึ่งมี s อยู่ท้ายคำพอดี

2 My father works as an engineer.
ไม ฟาเธอะ เวิรฺคสฺ แอ็ส แอน เอ็นจิเนียรฺ
(พ่อของฉันทำงานตำแหน่งวิศวกร)

ประโยคที่ 2 ประธานในประโยค my father เป็นเอกพจน์ มี work เป็นกริยาในประโยคซึ่งรูปเดิมยังไม่มี s ที่ท้ายคำจึงต้องเติม s เพิ่มเข้าไปที่ท้ายคำเมื่อตามหลังประธานเอกพจน์ดังกล่าว

3 I am a singer.
ไอ แอม อะ ซิงเกอะ
(ฉันเป็นนักร้อง)

ประโยคที่ 3 ประธานในประโยคคือ I เป็นเอกพจน์ มี am เป็นกริยาในประโยค ในกรณีที่ต้องใช้ v. to be กับ I ต้องใช้ am เท่านั้นในเหตุการณ์ปัจจุบันส่วนเหตุการณ์ในอดีตจะใช้ was และเป็นข้อยกเว้นสำหรับ I ถึงจะเป็นประธานเอกพจน์แต่ไม่ต้องเติม s/es ที่ท้ายคำกริยาแท้ตัวอื่นๆที่ตามหลัง I

4 You are a doctor.
ยู อารฺ อะ ด็อกเทอะ
(คุณเป็นหมอ)

ประโยคที่ 4 ประธานในประโยคคือ you แม้จะเป็นเอกพจน์แต่กริยาก็ไม่ต้องมีหรือไม่ต้องเติม s/es เช่นเดียวกับ I ที่เป็นข้อยกเว้น

5 She can swim.
ชี แคน สวิม
(เธอว่ายน้ำเป็น)

ประโยคที่ 5 ประธานในประโยคคือ she แม้จะเป็นเอกพจน์แต่กริยาในประโยคก็ไม่ต้องมีหรือไม่ต้องเติม s/es เนื่องจากกริยาในประโยคคือ can เป็นกริยาที่ผันไปตามเวลาเท่านั้นแต่ไม่ผันไปตามประธาน คือจะใช้ can กับประธานทุกตัวในเหตุการณ์ปัจจุบัน (ถ้าเป็นกริยาตัวอื่นก็ใช้หลักการผันตามปกติ)

6 Jason should go to see the doctor. He has a bad cough.
เจสัน ชุด โก ทู ซี เดอะ ด็อคเทอะ. ฮี แฮซ อะ แบด คัฟ.
(เจสันควรไปหาหมอ เขาไอหนักมาก)

ประโยคที่ 6 ประธานในประโยคคือ Jason แม้จะเป็นเอกพจน์แต่กริยาก็ไม่ต้องมีหรือไม่ต้องเติม s/es เนื่องจากกริยาในประโยคคือ should ที่แปลว่าควรจะ ซึ่งมีรูปเดียวเท่านั้นจึงใช้กับประธานทุกชนิดและทุกเวลา (ถ้าเป็นกริยาตัวอื่นก็ใช้หลักการผันตามปกติ)

บทความถัดไป
บทความก่อนหน้า

ความคิดเห็น