ถึงตอนนี้เราอาจจะสงสัยว่าแล้วเมื่อไหร่เราจะต้องใช้กริยาช่วยตัวไหนมาช่วยสร้างประโยคคำถามล่ะ ไม่ยากครับขั้นแรกคุณต้องรู้ก่อนว่ากริยาช่วยมีอะไรบ้าง และอีกอย่างที่คุณต้องรู้คือ กริยาช่วยที่จะกล่าวถึงนี้บางคำเป็นได้ทั้งกริยาช่วยและกริยาแท้วิธีสังเกตก็คือ ถ้ามีกริยาช่วยที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้อยู่ในประโยคคู่กับกริยาอีกตัว(กริยาแท้) ในกรณีนี้กริยาช่วยเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยเท่านั้นแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กริยาช่วยดังกล่าว(บางคำ)อยู่ในประโยคตัวเดียวโดดๆ(โดยไม่มีกริยาแท้ตัวอื่นอยู่ด้วย)มันก็จะทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ทันที เราอาจรู้ได้อีกวิธีโดยนึกถึงหน้าที่ของมันว่ามันทำหน้าที่ช่วยอะไรบ้างตามที่กล่าวไว้ข้างต้นและที่จะอธิบายต่อไป
อีกหน้าที่หนึ่งซึ่งสำคัญมากที่ควรรู้และทำความเข้าใจให้ดีเกี่ยวกับกริยาช่วยคือเมื่อนำไปผสมกับกริยาแท้ก็จะทำให้เกิด tenses=เท็นเส็ส (กาลเวลา) ต่างๆ และเรียกกริยาช่วยบวกกริยาแท้ที่ผสมกันเสร็จสรรพว่า compound verb=คอมพาวนฺด เวิรฺบ (กริยาผสม) ซึ่งผมจะกล่าวในบทความครั้งต่อไปแต่ตอนนี้มารู้จักกริยาช่วยกันก่อนครับว่ามีกี่คำ
8. Ought to=อ็อท ทู มีความหมายว่า ควรจะ
9. Used to=ยูสทฺ ทู มีความหมายว่า เคยทำบางอย่างเป็นประจำในอดีตแต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว
10. must=มัสทฺ มีความหมายว่า ต้องทำบางอย่าง
11. Need=นีด มีความหมายว่า จำเป็นต้องมีหรือต้องทำบางอย่าง
12. Dare=แดรฺ มีความหมายว่า กล้า หรือ ท้า
กริยา done ใช้ในฐานะกริยาแท้เท่านั้น
กริยาช่วย might ไม่ได้เป็นรูปอดีตของ may
บทความถัดไป
บทความก่อนหน้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น