จากครั้งที่แล้วที่ได้กล่าวถึงความต่างระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาไทยวันนี้มาว่ากันต่อครับ ความต่างระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาไทยอันดับต่อไปคือ
1 ภาษาอังกฤษโดยทั่วไปประธานจะเปลี่ยนรูปไปตามจำนวนทำให้กริยาเปลี่ยนรูปตามไปด้วย (ภาษาไทยไม่มีลักษณะนี้) ตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะพูดว่า
หนังสือเล่มนี้เป็นของฉัน
กับ
หนังสือเหล่านี้เป็นของฉัน
เราจะเห็นได้ว่าคำว่า “หนังสือเล่มนี้” ซึ่งเป็นประธานและคำว่า “เป็น” ซึ่งเป็นคำกริยาในประโยคนี้ในภาษาไทยจะไม่เปลี่ยนรูปไม่ว่าประธานซึ่งก็คือหนังสือจะมีกี่เล่มก็ตาม ในภาษาไทยจะเปลี่ยนก็แต่เฉพาะคำคุณศัพท์ที่ขยายนามแต่คำว่า ”หนังสือ” ก็ยังสะกดด้วยพยัญชนะเดิมและจำนวนพยางค์ก็เท่าเดิม ส่วนคำกริยา เป็น ก็ไม่เปลี่ยนรูปแต่อย่างใดแต่ลองมาดูความต่างในภาษาอังกฤษกันครับ
This book is mine.
ดิส บุค อิซ ไมนฺ
(หนังสือเล่มนี้เป็นของฉัน)
ดิส บุค อิซ ไมนฺ
(หนังสือเล่มนี้เป็นของฉัน)
These books are mine.
ดีซ บุคสฺ อารฺ ไมนฺ
ดีซ บุคสฺ อารฺ ไมนฺ
(หนังสือเหล่านี้เป็นของฉัน)
เราจะเห็นได้ว่าประธานคำว่า “หนังสือเล่มนี้” ในภาษาอังกฤษ คือ "this book" ในประโยคแรกไม่มี s ที่ท้ายคำแต่ในประโยคที่สองเมื่อเป็นหนังสือหลายเล่มก็จะมีการเติม s ท้ายคำว่า "book" ส่วนกริยาคำว่า “เป็น” ซึ่งในภาษาอังกฤษได้แก่ v. to be จะเปลี่ยนไปตามจำนวนของประธาน ประโยคแรกหนังสือเล่มเดียวจะใช้กริยา "is"ประโยคที่สองหนังสือหลายเล่มเปลี่ยนมาใช้กริยา "are"
ความแตกต่างที่เห็นได้จะประโยคตัวอย่างด้านบน
1.ภาษาอังกฤษเมื่อประธานเป็นพหูพจน์ต้องเติม s, es, sh, ss ฯลฯ แล้วแต่กรณีที่ท้ายคำที่เป็นประธานซึ่งก็คือคำนาม(หรือเปลี่ยนรูปไปเลย ติดตามคำอธิบายในบทต่อๆไปที่เกี่ยวกับเรื่องการเติมท้ายคำ) ดังตัวอย่างประโยคที่หนึ่ง
2. เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ก็จะมีการเติม s ที่ท้ายคำกริยาและเมื่อประธานเป็นพหูพจน์ก็จะไม่มีการเติม s ที่ท้ายคำกริยา
1.ภาษาอังกฤษเมื่อประธานเป็นพหูพจน์ต้องเติม s, es, sh, ss ฯลฯ แล้วแต่กรณีที่ท้ายคำที่เป็นประธานซึ่งก็คือคำนาม(หรือเปลี่ยนรูปไปเลย ติดตามคำอธิบายในบทต่อๆไปที่เกี่ยวกับเรื่องการเติมท้ายคำ) ดังตัวอย่างประโยคที่หนึ่ง
2. เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ก็จะมีการเติม s ที่ท้ายคำกริยาและเมื่อประธานเป็นพหูพจน์ก็จะไม่มีการเติม s ที่ท้ายคำกริยา
น่าปวดหัวไหมครับแต่อย่าเพิ่งเบื่อภาษาอังกฤษนะครับผมจะมีเคล็ดลับการจำให้ในบทต่อไปรับรองว่าไม่ยากหรอกครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความครั้งต่อไปครับ
บทความก่อนหน้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น