เพราะฉะนั้นคำแต่ละคำจะมีตำแหน่งที่อยู่ของมันในประโยค และที่ๆแต่ละคำอยู่ก็จะบอกให้เรารู้ถึงหน้าที่ของคำดังกล่าวด้วยเช่นกัน เปรียบได้กับคนที่อยู่ในตำแหน่งไหนและทำหน้าที่อะไรหรืออยู่บ้านไหนลูกเฒ่าเหล่าใครประมาณนั้นแหละครับ ลองมาดูกันว่าแต่ละคำมีตำแหน่งที่อยู่แห่งหนตำบลใดมีหน้าที่อะไรลูกเฒ่าเหล่าใครกันบ้าง เริ่มกันที่ nouns (นาวซฺ) หรือคำนามครับ
ตำแหน่งและหน้าที่ของคำนาม (ให้สังเกตคำว่า English)ได้แก่
1 ขึ้นต้นประโยคหรืออยู่หน้าคำกริยาทำหน้าที่เป็น subject หรือประธาน เช่น
English is my favorite language.
อิงลิช อิซ ไมยฺ เฟเวอริท แลงเกว็จ
(ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ฉันชอบ)
2 อยู่หลังกริยา (verb) ทำหน้าที่ เป็น object หรือกรรม เช่น
I love English language most.
ไอ เลิฟ อิงลิช แลงเกว็จ โมสทฺ
(ฉันรักภาษาอังกฤษมากที่สุด)
3 อยู่หลัง v. to be ทำหน้าที่เป็น noun subject complement หรือ ส่วนเติมเต็มคำนาม เช่น
My favorite language is English.
ไมยฺ เฟเวอริท แลงเกว็จ อิซ อิงลิช
(ภาษาที่ฉันชอบคือภาษาอังกฤษ)
4 อยู่หลัง preposition หรือคำบุพบท ก็ทำหน้าที่เป็น object of preposition หรือกรรมของบุพบท เช่น
He talks to me in English.
ฮี ทอลฺคส ทู มี อิน อิงลิช
(เขาพูดกับฉันเป็นภาษาอังกฤษ)
5 อยู่หลัง possessive adjective หรือคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของแต่อยู่หน้าคำนามหลักก็ทำหน้าที่ขยายคำนามหลัก เช่น
I can help you in your English problem.
ไอ แคน เฮลพฺ ยู อิน ยัวรฺ อิงลิช พรอบเลิม
(ฉันสามารถช่วยคุณเกี่ยวกับปัญหาภาษาอังกฤษของคุณได้)
หมายเหตุ ประโยคตัวอย่างข้างบนทุกประโยคเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ใน present simple tense แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งและหน้าที่ของ nouns (นาวซฺ) ที่ท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการพูดคุยหรือเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันของท่านได้
บทความถัดไป
บทความก่อนหน้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น