หลักการเปลี่ยนคุณานุประโยคและวิเศษณานุประโยคให้เป็น Participle

สำหรับหลักการเปลี่ยนคุณานุประโยค (Adjective clause) และวิเศษณานุประโยค (Adverb clause) ให้เป็น Participle ให้ท่านยึดโครงสร้างภาคแสดงของคุณานุประโยค (Adjective clause) และวิเศษณานุประโยค (Adverb clause) ข้างล่างนี้เป็นเกณฑ์ครับซึ่งโครงสร้างข้างล่างนี้สามารถใช้เป็นหลักในการเปลี่ยนอนุประโยคทั้งสองชนิดให้เป็น Participle ได้

โครงสร้างภาคแสดงหรือกริยาของคุณานุประโยคและวิเศษณานุประโยคและการเปลี่ยนเป็น Participle
1 Be + ving= ving
2 Present tense, past tense= ving
3 be + v3=v3
4 Be+being +v3=being + v3
5 Have/has/had +v3=having + v3
6 Have/has/had+been+v3=v.3/having +been+v3
7 Have/has/had+been+ving=having + been + ving

การเปลี่ยนคุณานุประโยคให้เป็น Participle ดูตัวอย่างได้ด้านล่างครับ
  a. The man who is talking loudly is my elder brother.
เดอะ แมน ฮู อิซ ทอคกิง ลาวดฺลิ อิซ ไม เอลเดอรฺ บราเธอรฺ
(ผู้ชายคนที่กำลังพูดเสียงดังอยู่เป็นพี่ชายผมเอง(คุณานุประโยคในข้อ a เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ b ด้านล่างซึ่งเป็นไปตามหลักการข้อที่ 1 ด้านบน )
  b.      The man talking loudly is my elder brother.
เดอะ แมน ทอคกิง ลาวดฺลิ อิซ ไม เอลเดอรฺ บราเธอรฺ
(ผู้ชายคนที่กำลังพูดเสียงดังเป็นพี่ชายผม)
  c.       I like the bird which is singing.
ไอ ไลคฺ เดอะ เบิรฺด วิช อิซ ซิงกิง
(ผมชอบนกตัวที่กำลังส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วอยู่(คุณานุประโยคในข้อc เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ d ด้านล่าง)
  d.      I like the singing bird.
ไอ ไลคฺ เดอะ ซิงกิง เบิรฺด
(ผมชอบนกที่ส่งเสียงร้องอยู่)
  e.      Mr. Sam, who went abroad yesterday had a car accident.
มิสเตอรฺ แซม ฮู เว็นทฺ อะบรอด เย็สเทอะเดยฺ แฮด อะ คารฺ แอ็กเซ็อเด็นทฺ
(คุณแซมคนที่ไปต่างประเทศเมื่อวานนี้ประสบอุบัติเหตุรถยนต์(คุณานุประโยคในข้อ e เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ f ด้านล่างซึ่งเป็นไปตามหลักการข้อที่ 2 ด้านบน)
  f.        Mr. Sam, going abroad yesterday had a car accident.
มิสเตอรฺ แซม โกอิง อะบรอด เย็สเทอะเดยฺ แฮด อะ คารฺ แอ็คเซ็อเด็นทฺ
(คุณแซมที่ไปต่างประเทศเมื่อวานประสบอุบัติเหตุรถยนต์)
  g.       The knife which had been sharpend nicely was in the kitchen.
เดอะ ไนฟฺว วิช แฮด บีน ชารฺพเพินดฺ ไนสฺลิ ว็อซ อิน เดอะ คิทเชิน
(มีดด้ามที่ลับไว้คมกริบอยู่ในครัวโน่น(คุณานุประโยคในข้อ g เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อh ด้านล่างซึ่งเป็นไปตามหลักการข้อที่ 5 ด้านบน)
  h.      The knife sharpened nicely was in the kitchen.
เดอะ ไนฟฺว ชารฺพเพินดฺ ไนสฺลิ ว็อซ อิน เดอะ คิทเชิน
(มีดที่ลับไว้คมกริบอยู่ในครัว)
  i.         The topic which is being discussed is about the water shortage.
เดอะ ทอปิค วิช อิซ บีอิง ดิสคัสทฺ อิซ อะเบาทฺ เดอะ วอเทอะรฺ ช็อรฺทเท็จจฺ
(เรื่องที่กำลังพูดคุยกันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำ(คุณานุประโยคในข้อ i เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ j ด้านล่างซึ่งเป็นไปตามหลักการข้อที่ 3 ด้านบน)
  j.        The tipic being discussed is about the water shortage.
เดอะ ทอปิค บีอิง ดิสคัสทฺ อิซ อะเบาทฺ เดอะ วอเทอะรฺ ช็อรฺทเท็จจฺ
(เรื่องที่กำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำ)
  k.       The water shortage, which is being discussed, is very important for us.
เดอะ วอเทอะรฺ ชอรฺทเท็จจฺ วิช อิซ บีอิง ดิสคัสทฺ อิส เวริ อิมพอรฺเทินทฺ ฟอรฺ อัซ
(การขาดแคลนน้ำที่พูดคุยกันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเรา(คุณานุประโยคในข้อ k เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ l ด้านล่างซึ่งเป็นไปตามหลักการข้อที่ 3 ด้านบน)
  l.         The water shortage, being discussed, is very important for us.
เดอะ วอเทอะรฺ ชอรฺทเท็จจฺ บีอิง ดิสคัสทฺ อิซ เวรี อิมพอรฺเทินทฺ ฟอรฺ อัซ
(เรื่องขาดแคลนน้ำที่กำลังพูดคุยกันสำคัญมากสำหรับเรา)
  m.    Any applicant who has filled the form can get in.
เอ็นนี อะพลิเคินทฺ ฮู แฮซ ฟิลดฺ เดอะ ฟอรฺม แคน เก็ท อิน
(ผู้สมัครที่กรอกแบบฟอร์มแล้วเข้าไปด้านในได้(คุณานุประโยคในข้อ m เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ n ด้านล่างซึ่งเป็นไปตามหลักการข้อที่ 4 ด้านบน)
  n.      Any applicant having filled the form can get in.
เอ็นนี อะพลิเคินทฺ แฮฟวิง ฟิลด เดอะ ฟอรฺม แคน เก็ท อิน
(ผู้สมัครที่กรอกแบบฟอร์มแล้วเข้าไปได้)
  o.      Jany’s jewelry, which had been stolen last night, was worth two millian baht.
เจนีสฺ จิวเวอรี วิช แฮด บีน สโตลเลิน ลาสทฺ ไนทฺ ว็อซ เวิรฺท ทู มิลเลียน บาท
(เครื่องเพชรของเจนีที่ถูกขโมยไปเมื่อคืนมีมูลค่าสองล้านบาท(คุณานุประโยคในข้อ o เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ p ด้านล่างซึ่งเป็นไปตามหลักการข้อที่ 5 ด้านบน)
  p.      Jany’s jewelry, having been stolen last night, was worth two millian baht.
เจนีสฺ จิวเวอรี แฮฟวิง บีน สโตลเลิน ลาสทฺ ไนทฺ ว็อซ เวิรฺท ทู มิลเลียน บาท
(เครื่องเพชรเจนีถูกขโมยเมื่อคืนมีมูลค่าถึงสองล้านบาท)
  q.      The girl who had not been encouraged felt disappointed.
เดอะ เกิรฺล ฮู แฮด น็อท บีน เอ็นเคอเร็จจฺ เฟลทฺ ดิสสะพอยทิด
(เด็กผู้หญิงคนที่ขาดกำลังใจรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง(คุณานุประโยคในข้อ q เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ r ด้านล่าง)
  r.        The unencouraged girl felt disappointed.
ดิ อันเอ็นเคอเร็จ เกิรฺล เฟลทฺ ดิสสะพอยทิด
(เด็กผู้หญิงที่ขาดกำลังใจรู้สึกสิ้นหวัง)

ข้อควรจำสำหรับ การเปลี่ยนคุณานุประโยคให้เป็น Participle
1.1 คุณานุประโยคทั้งประเภทชี้เฉพาะและไม่ชี้เฉพาะสามารถเปลี่ยนมาเป็น Participle ได้
1.2 สำหรับคุณานุประโยคประเภทชี้เฉพาะจะต้องมีเครื่องหมายคอมมาคั่นอนุประโยคไว้เสมอ ดังตัวอย่างในประโยค e, f, k, l, o, p ด้านบน
1.3 อนุประโยคที่จะเปลี่ยนเป็น Participle ได้ต้องมีลักษณะเป็นอนุประโยคประธาน กล่าวคือประพันธสรรพนามต้องทำหน้าที่เป็นประธานของอนุประโยค
1.4 วิธีเปลี่ยนเป็น Participle ให้ตัดประพันธสรรพนามออกรวมทั้งกริยาช่วยต่างๆส่วนภาคกริยาก็ให้เปลี่ยนเป็นรูป Participle โดยยึดหลักโครงสร้าง 7  ข้อด้านบน
1.5 ถ้าตัดส่วนต่างๆตามที่กล่าวออกหมดแล้วจนเหลือ Present Participleคำเดียวให้ย้าย Present Participle ดังกล่าวไปไว้หน้าคำนามที่ขยายได้ ดังตัวอย่างประโยคในข้อ d ด้านบน ยกเว้นในกรณีที่คำนามดังกล่าวเป็นคำนามชี้เฉพาะไม่อาจย้าย ไปอยู่หน้านามได้
1.6 สำหรับคุณานุประโยคที่มีภาคแสดงเป็น perfect passive เมื่อตัดส่วนต่างๆตามหลักการเปลี่ยนเป็น Participle ออกหมดแล้วจนภาคแสดงเหลือ not กับ v.3ให้เปลี่ยนคำว่า not เป็น un นำมาเติมหน้าคำกริยา v.3 แล้วนำมาวางไว้หน้าคำนามดังตัวอย่างในประโยค r ด้านบน

การเปลี่ยนวิเศษณานุประโยคให้เป็น Participle ดูตัวอย่างได้ด้านล่างครับ
  a.       When John is looking at his daughter, he feels very happy.
เว็น จอหฺน อิซ ลุคกิง แอ็ท ฮิซ ดอเธอะ ฮี ฟีลสฺ เวริ แฮปปี
(เมื่อจอห์นมองดูลูกสาว เขารู้สึกมีความสุขมาก(จากวิเศษณานุประโยคในข้อ a  เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ b ด้านล่างตามหลักการเปลี่ยนในข้อ 1 ด้านบน)
  b.      Looking at his daughter, John feels very happy.
ลุคกิง แอ็ท ฮิซ ดอเธอะรฺ จอหฺน ฟีลสฺ เวริ แฮ็ปปิ
(มองดูลูกสาวแล้วจอห์นรู้สึกมีความสุขมาก)
  c.       After Matt has been working all day, he feels  exhausted.
อาฟเธอะรฺ แม็ท แฮซ บีน เวิรฺคกิง ออล เดย ฮี ฟีลสฺ เอ็กซฺซอสทิด
(หลังจากแม็ททำงานมาทั้งวัน เขารู้สึกเหนื่อยหมดแรง(จากวิเศษณานุประโยคในข้อ c เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ d ด้านล่างตามหลักการเปลี่ยนในข้อ 6 ด้านบน)
  d.      Having been working all day, Matt feels exhausted.
แฮฟวิง บีน เวิรฺคกิง ออล เดยฺ แม็ท ฟีลสฺ เอ็กซฺซอสทิด
(ทำงานมาทั้งวันทำให้แม็ทรู้สึกเหนื่อยเพลีย)
  e.      As Jim was found guilty, he was sent to prison.
แอ็ซ จิม ว็อซ ฟาวนฺด กิลทิ ฮี ว็อซ เซ็นทฺ ทู พริเซิน
(เนื่องจากจิมถูกสอบพบว่าทำความผิด เขาจึงถูกตัดสินจำคุก(จากวิเศษณานุประโยคในข้อ e เมื่อเปลี่ยนเป็น Participle จะกลายเป็นประโยคในข้อ f ด้านล่างตามหลักการเปลี่ยนในข้อ 3 ด้านบน)
  f.        Found guilty, Jim was sent to prison.
ฟาวนฺด กิลทิ จิม ว็อซ เซ็นทฺ ทู พริเซิน
(เนื่องจากถูกสอบพบว่าทำความผิด จิมจึงถูกตัดสินจำคุก)

ข้อควรจำสำหรับการเปลี่ยนวิเศษณานุประโยคให้เป็น Participle
วิเศษณานุประโยคที่สามารถเปลี่ยนเป็น Participle ได้คือวิเศษณานุประโยคบอกเวลาที่ใช้คำเชื่อม when,  while, after และวิเศษณานุประโยคบอกเหตุผลที่ใช้คำเชื่อม as, since, because ซึ่งมีหลักดังนี้
1 ประโยคหลักกับอนุประโยคต้องมีประธานคนเดียวกันหรือสิ่งเดียวกัน
2 ให้ตัดประธานในอนุประโยคออกไป
3 เปลี่ยนกริยาให้เป็น participle construction ที่เหมาะสมโดยพิจารณาวาจกและกาลของกริยาตามหลักการเขียน Participle ทั้งเจ็ดข้อด้านบนเหมือนกับการเปลี่ยนคุณานุประโยคด้านบน
4 การเปลี่ยนวิเศษณานุประโยคให้เป็น Participle นิยมเขียน Participle ไว้ต้นประโยคเพื่อให้อยู่ใกล้กับประธาน
ใส่เครื่องหมาย comma เพื่อแยกจากตัวประโยค เนื่องจากมีสถานภาพเป็นส่วนขยายที่ไม่ชี้เฉพาะ (non-restrictive modifier)
5 ตัดคำเชื่อมออก เพราะถ้าใส่คำเชื่อมจะทำให้ Participle กลายเป็นกรรมของคำเหล่านั้นแทนที่จะเป็นส่วนขยาย

6 หากวิเศษณานุประโยคมีกริยาช่วยก็ให้ตัดกริยาช่วยออกด้วยเช่นกัน

บทความถัดไป
บทความก่อนหน้า

ความคิดเห็น