กริยาช่วยในฐานะช่วยทำให้เกิด tense (ตอน past perfect tense เกิดขึ้นได้อย่างไร)

Past perfect tense เป็น tense ย่อยอีกอันหนึ่งที่อยู่ใน past tense และแน่นอนถ้าปราศจากกริยาช่วย tense นี้ก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน กริยาช่วยที่จะมาทำหน้าที่ใน tense นี้ได้แก่ v. to have ลองมาดูตัวอย่างกันครับ

1.Sommart had studied in London for 4 years before he came back to Thailand.

1.สมมาตรเรียนที่ลอนดอน 4 ปีแล้วจึงกลับมาเมืองไทย

เมื่อเหตุการณ์หรือ tense นี้อยู่ในอดีตจึงต้องมีการผัน v. to have เสียก่อนตามหลักการที่ว่ากริยาต้องผันตามประธานและกาล เมื่อผันแล้วก็จะได้ had และตามด้วยกริยาช่องที่สามซึ่งในประโยคนี้ได้แก่ studied ที่ผันมาจาก study นั่นเอง หลายคนอาจแย้งว่า v. to have ในประโยคข้างบน ได้ผันไปตามประธานและกาลแล้ว แต่ทำไมกริยาคำว่า study ถึงต้องผันอีก ที่เป็นอย่างนี้เพราะนี่คือข้อยกเว้นที่อยู่นอกกฎที่เคยกล่าวไว้ และเป็นรูปแบบเฉพาะของ past perfect tense นั่นเอง นอกจากนี้เราจะเห็นว่าข้อความข้างบนมีสองประโยคซึ่งล้วนแต่เป็นเหตุการณ์ในอดีต ประโยคแรกเป็นประโยคหลักที่เป็นเหตุการณ์ใน past perfect tense ส่วนประโยคหลังเป็นอนุประโยคที่เป็นเหตุการณ์ใน past simple tense ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเหตุการณ์ใน past perfect tense จะเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ใน past simple tense เสมอนั่นเอง  ยังไม่หมดแค่นี้ครับดูตัวอย่างในประโยคต่อไปกันดีกว่า

2. She said she had seen you last week.
2. เธอพูดว่าพบคุณเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

ประโยคข้างบนเป็นคำพูดในอดีตที่มีคนหนึ่งนำมาบอกให้คนหนึ่งฟังถึงสิ่งที่อีกคนหนึ่งพูดกับเขาในอดีตก็อยู่ในรูปของ past perfect tense เหมือนกันเพราะมีคุณสมบัติตามที่กล่าวมา

3. I thought I had bought a book, but I could not find it.
3. ฉันคิดว่าได้ซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่งแต่หาไม่เจอ

ประโยคข้างบนเป็นความคิดในอดีตของคนๆหนึ่งซึ่งอยู่ใน past perfect tense เช่นเดียวกันเนื่องจากมีคุณสมบัติตามที่กล่าวมา

จากสามตัวอย่างข้างบนเราสามารถรู้ได้ว่า past perfect tense มักจะมาคู่กับ past simple tense โดยที่เกิด past perfect tense ก่อนแล้วตามด้วย past simple tense.

สำหรับกริยาช่วยใน tense นี้ให้ใช้ had กับประธานทุกชนิดครับ